| พระพุทธศาสนา | ประเพณีพิธีกรรม | ประเพณีวันสงกรานต์ | งานไหว้พุทธเจดีย์ | ศิลปะการแสดง | ซะปแว | โย่วเต | อะเญ่ย | เครื่องดนตรี | อ้างอิง |
พม่าหรือเมียนมามีความโดดเด่นในเรื่องการศรัทธาพุทธศาสนา มีเจดีย์และศาสนสถานในพุทธศาสนาจำนวนมาก ประชากรกว่า 87 % นับถือพุทธศาสนา แต่ในขณะเดียวกันมีประชากรบางส่วนที่นับถือพลังเหนือธรรมชาติจำนวน 4.5% คริสต์ศาสนา 4 % อิสลามและฮินดู 1.5% (Steven, 2002:62)
ความสำคัญของพระพุทธศาสนาไม่ได้อยู่ที่จำนวนผู้นับถือเพียงอย่างเดียว แต่พุทธศาสนายังเป็นรากฐานสำคัญของสังคมพม่า โดยมีประวัติย้อนหลังไปถึงสมัยปยูและอาณาจักรพุกาม ในช่วงระยะเวลาจากอดีตถึงปัจจุบันซึ่งเป็นเวลากว่าพันปี ได้หล่อหลอมให้พระพุทธศาสนาในพม่ามีลักษณะเฉพาะของตนเอง นั่นคือ การมีลักษณะผสมผสานของศาสนาและความเชื่อต่างๆ ที่มีอยู่ในดินแดนพม่า (นฤมล ธีรวัฒน์ และคณะ.2551:233)
| ประวัติความเป็นมา | ซายวาย | ปัตวาย | จีวาย | มองซาย | เน | วงดนตรีและเครื่องดนตรีอื่นๆ | Saung | อ้างอิง |
ประวัติความเป็นมาดนตรีพม่า
เอกสารที่มีการบันทึกเรื่องราวของดนตรีพม่า คือพงศาวดารจีนสมัยราชวงศ์ถังบันทึกว่า ราชสำนักพยูได้ส่งนักดนตรีและการแสดงไปแสดงในราชสำนักจีนใน ปี ค.ศ.800 (พ.ศ. 1343) ในการแสดง นั้นมีเครื่องดนตรีถึง 14 ชนิด ลักษณะของเครื่องดนตรีที่บันทึกสอดคล้องกับลักษณะของเครื่องดนตรีในปัจจุบัน พงศาวดารดังกล่าวระบุชื่อ พิณ 2 ชนิด ชนิดหนึ่งน่าจะเป็น มิยอง จะเข้ที่มีหัวคล้ายจระเข้จริงๆ ไม่มีเครื่องดนตรี อื่นในบันทึกที่แสดงว่าคล้ายกับเครื่องดนตรีสำหรับบรรเลงนอกอาคารอย่างในปัจจุบัน เหตุที่เป็นเช่นนี้มีความเป็นไปได้ 2 กรณี คือ สมัยนั้นไม่มีเครื่องดนตรีแบบปัจจุบันหรือ ไม่ก็มีแล้วแต่ราชสำนักไม่เห็นสมควรที่จะส่งไปแสดง (Becker 1967, 1980)
| วรรณคดีพม่า | วรรณคดียุคพุกาม | วรรณคดียุคปินยะ | วรรณคดียุคอังวะ | วรรณคดียุคตองอู | วรรณคดียุคคองบอง | อ้างอิง |
วรรณคดีพม่า
หากว่าจะสืบหากำเนิดของงานเขียนทางวรรณกรรมของพม่า ก็จะพบได้จากศิลาจารึก อันที่จริง ศิลาจารึกจัดได้ว่าเป็นรากฐานอันสำคัญของวรรณกรรมพม่าเลยทีเดียว หากจะพิจารณาศิลาจารึกที่เป็นต้นเค้า ก็ควรต้องคำนึงถึงยุคพุกาม ซึ่งรุ่งเรื่องด้วยศิลาจารึก และในบรรดาศิลาจารึกพม่าทั้งหลาย คงต้องให้ความสำคัญต่อ “จารึกมยะเซดี” (ซึ่งถือว่าเป็นงานร้อยแก้วชิ้นแรกสุดของวรรณกรรมพม่า จารึกชิ้นนี้เจ้าชายผู้มีพระนามว่าราชกุมาร พระโอรสของพระเจ้าจันสิตตาได้ทำขึ้นในศักราช ๔๗๔ (ค.ศ ๑๑๑๒)ในขณะที่พระราชบิดากำลังทรงพระประชวรอยู่ จารึกเป็นข้อความแบบร้อยแก้ว มีเนื้อหากล่าวถึงเรื่องการหล่อถวายพระพุทธรูปทองคำองค์หนึ่ง และการถวายข้าทาสและที่ดินจำนวนมาก ในจารึกหลักนี้ไม่ได้เขียนไว้เป็นภาษาพม่าเพียงภาษาเดียวเท่านั้น หากยังพบว่าได้มีการจารึกอีก ๓ ด้านด้วยภาษาพยู ภาษาบาลีและภาษามอญด้วยเหตุนี้จึงแน่ชัดว่าในสมัยนั้นนอกจากจะมีการใช้ภาษาพม่าแล้ว ยังมีการใช้ภาษาอื่นๆ คือ ภาษาพยู ภาษาบาลี และภาษามอญด้วย ในแง่วรรณกรรม จารึกมยะเซดี ถือเป็นงานประพันธ์ที่เก่าแก่ที่สุด (อรนุช–วิรัช นิยมธรรม)[1]
| ประวัติ | บิดาแห่งภาพยนตร์พม่า | วิน อู พระเอกชื่อดังของพม่า | อ้างอิง |
ประวัติ
ก่อนที่จะมีภาพยนตร์อย่างตะวันตกนั้น ประชาชนในเมียนมามีการแสดงหุ่นกระบอก โดยมีหลักฐานเป็นภาพถ่ายจากปี1895 เป็นการฟ้อนที่เรียกว่า “Zat Pwe” ที่ภายหลังมีอิทธิพลต่ออุตสาหกรรมภาพยนตร์พม่าอย่างมาก กระทั่ง ค.ศ.1901 นาย Abudullay Esofally ชาวอังกฤษ เป็นคนแรกที่นํากล้องถ่ายภาพยนตร์เข้ามาสู่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้แน่นอนว่าที่แห่งนั้นคือ “ย่างกุ้ง” ขณะยังถูกผนวกเป็นส่วนหนึ่งของอินเดีย ภายใต้การปกครองของเจ้าอาณานิคมอย่างอังกฤษ ทําให้ภาพยนตร์ส่วนใหญ่ในยุคแรกของพม่าถ่ายทําโดยชาวอังกฤษและเกิดโรงภาพยนตร์แห่งแรกคือ “Cinema de Paris”